...ยินดีต้อนรับสู่บล็อกที่อัพเดตข่าวสารของธนาคารไทยพาณิชย์อย่างครอบคลุม จัดทำโดยนศ.หลักสูตรการเงิน มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต...

วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2555

ไทยพาณิชย์คว้ารางวัล THAILAND’S TOP CORPORATE BRAND VALUES 2012


ธนาคารไทยพาณิชย์ ได้รับการประกาศให้เป็นบริษัทที่มีมูลค่าแบรนด์องค์กรสูงสุดในกลุ่มสถาบันการเงิน โดยมีมูลค่าแบรนด์กว่า 2 แสนล้านบาท จากผลการวิจัยของคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรื่อง “การประเมินค่าและจัดอันดับแบรนด์องค์กรในประเทศไทย” ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่มีการวัดด้วยเครื่องมือแบบบูรณาการ ทั้งหลักการทางบัญชี การเงิน และการตลาด  โดยมีคุณกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ เข้ารับรางวัล THAILAND’S TOP CORPORATE BRAND VALUES 2012 ณ ห้องประชุมศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

วันศุกร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2555

SCB ได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนอย่างล้นหลาม หุ้นกู้ด้อยสิทธิ 2 หมื่นล้านบาทขายเกลี้ยงภายใน 1 วัน


     ธนาคารไทยพาณิชย์ได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนที่จองซื้อหุ้นกู้ด้อยสิทธิจำนวน 20,000 ล้านบาทของธนาคารอย่างล้นหลาม จนสามารถจัดจำหน่ายได้ครบเต็มจำนวนเพียง 1 วัน  สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่นักลงทุนมีต่อความแข็งแกร่งของธนาคาร โดยการระดมเงินระยะยาวในครั้งนี้จะนับเป็นการเสริมความแข็งแกร่งในเงินกองทุนขั้นที่ 2 ของธนาคาร เพื่อรองรับการขยายตัวของสินเชื่อและธุรกิจในอนาคต
     นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารขอขอบคุณนักลงทุนที่ได้มอบความไว้วางใจในการจองซื้อหุ้นกู้ด้อยสิทธิ วงเงิน 20,000 ล้านบาท อายุ 12 ปี ที่ธนาคารได้เสนอขายแก่ประชาชนทั่วไป ระหว่างวันที่ 5- 14 กันยายน 2555 ผ่านสาขาของธนาคารทั่วประเทศ จนทำให้ธนาคารสามารถจำหน่ายหุ้นกู้ได้ทั้งหมดก่อนกำหนด โดยใช้ระยะเวลาเพียง 1 วัน สะท้อนให้เห็นความเชื่อมั่นที่นักลงทุนมีต่อความแข็งแกร่งของธนาคารทั้งทางด้านฐานะทางการเงินที่มั่นคงและผลประกอบการที่เจริญเติบโตโดดเด่นอย่างต่อเนื่อง โดยธนาคารจะมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าต่อไป ด้วยผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลายและตอบโจทย์ได้ทุกความต้องการ
     สำหรับหุ้นกู้ด้อยสิทธิธนาคารไทยพาณิชย์ วงเงินไม่เกิน 20,000 ล้านบาท อายุ 12 ปี ซึ่งปิดการจำหน่ายลงก่อนกำหนดนั้น มีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 4.65% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ ชำระเงินต้นครั้งเดียว และครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้วันที่ 17 กันยายน 2567 โดยผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนก่อนกำหนดหลังครบ 7 ปีนับตั้งแต่วันออกหุ้นกู้ ได้รับการจัดอันดับจาก บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ระดับ AA- เป็นทางเลือกในการลงทุนระยะยาวที่มีผลตอบแทนแน่นอน ด้วยความเสี่ยงในระดับต่ำ และอัตราดอกเบี้ยสูง

ที่มา : จากเว็บไซต์http://www.scb.co.th/th/news/2012-09-06/subdepts_20120906 วันที่ 7 กย. 2555

วันพฤหัสบดีที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2555

ธนาคารไทยพาณิชย์ จัดสัมมนา “พันธบัตรครบอายุ ลงทุนอะไรดี”

120906-bond.jpg

     ธนาคารไทยพาณิชย์ จัดสัมมนา “พันธบัตรครบอายุ  ลงทุนอะไรดี”  เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจ ทิศทางการลงทุนทางเลือกในการลงทุนที่หลากหลาย  โดยได้รับเกียรติจาก  ดร.ชญาวดี  ชัยอนันต์ เศษฐกรฝ่ายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย , สมิทธ์  พนมยงค์  ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายเงินฝากและการลงทุน ธนาคารไทยพาณิชย์ , สุกิจ  อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนสายงานวิจัย บล. หลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ ,โชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บลจ.ไทยพาณิชย์ร่วมเสวนา โดยมีลูกค้าให้ความสนใจเข้าร่วมฟังกว่า 500 คน ณ หอประชุมมหิศร  ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่

วันที่  05 กันยายน 2555

SCB ได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนอย่างล้นหลาม หุ้นกู้ด้อยสิทธิ 2 หมื่นล้านบาทขายเกลี้ยงภายใน 1 วัน


scb-building.jpg

          ธนาคารไทยพาณิชย์ได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนที่จองซื้อหุ้นกู้ด้อยสิทธิจำนวน 20,000 ล้านบาทของธนาคารอย่างล้นหลาม จนสามารถจัดจำหน่ายได้ครบเต็มจำนวนเพียง 1 วัน  สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่นักลงทุนมีต่อความแข็งแกร่งของธนาคาร โดยการระดมเงินระยะยาวในครั้งนี้จะนับเป็นการเสริมความแข็งแกร่งในเงินกองทุนขั้นที่ 2 ของธนาคาร เพื่อรองรับการขยายตัวของสินเชื่อและธุรกิจในอนาคต
          นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารขอขอบคุณนักลงทุนที่ได้มอบความไว้วางใจในการจองซื้อหุ้นกู้ด้อยสิทธิ วงเงิน 20,000 ล้านบาท อายุ 12 ปี ที่ธนาคารได้เสนอขายแก่ประชาชนทั่วไป ระหว่างวันที่ 5- 14 กันยายน 2555 ผ่านสาขาของธนาคารทั่วประเทศ จนทำให้ธนาคารสามารถจำหน่ายหุ้นกู้ได้ทั้งหมดก่อนกำหนด โดยใช้ระยะเวลาเพียง 1 วัน สะท้อนให้เห็นความเชื่อมั่นที่นักลงทุนมีต่อความแข็งแกร่งของธนาคารทั้งทางด้านฐานะทางการเงินที่มั่นคงและผลประกอบการที่เจริญเติบโตโดดเด่นอย่างต่อเนื่อง โดยธนาคารจะมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าต่อไป ด้วยผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลายและตอบโจทย์ได้ทุกความต้องการ

           สำหรับหุ้นกู้ด้อยสิทธิธนาคารไทยพาณิชย์ วงเงินไม่เกิน 20,000 ล้านบาท อายุ 12 ปี ซึ่งปิดการจำหน่ายลงก่อนกำหนดนั้น มีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 4.65% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ ชำระเงินต้นครั้งเดียว และครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้วันที่ 17 กันยายน 2567 โดยผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนก่อนกำหนดหลังครบ 7 ปีนับตั้งแต่วันออกหุ้นกู้ ได้รับการจัดอันดับจาก บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ระดับ AA- เป็นทางเลือกในการลงทุนระยะยาวที่มีผลตอบแทนแน่นอน ด้วยความเสี่ยงในระดับต่ำ และอัตราดอกเบี้ยสูง

ที่มา http://www.scb.co.th/th/news/2012-09-06/subdepts_20120906
วันที่ 06 กันยายน 2555

วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2555

สรุปข่าว ไทยพาณิชย์โชว์ผลงานยุทธศาสตร์ Customer First สร้างความสำเร็จครองใจลูกค้าบุคคลทุกเซกเม้นต์

      จากข่าวแสดงให้เห็นว่า ธนาคารวางเป้าหมายในการเป็นธนาคารที่ครองใจลูกค้าในทุกกลุ่มและมีการดูแลเซกเมนต์ลูกค้าให้เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น โดยมีการศึกษาพฤติกรรมและความต้องการทางการเงินของแต่ละกลุ่มเพื่อสามารถคิดค้นและแนะนำผลิตภัณฑ์และบริการที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ทางการเงิน ทั้งยังมีการนำแนวคิดการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็น Total Solution เข้ามาเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า ผสานจุดแข็งด้วยการผนึกกำลังกลุ่มไทยพาณิชย์มอบผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ครบวงจรทั้งสินเชื่อ การลงทุน และประกันชีวิต นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาช่องทางสาขาอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างประสบการณ์อีกระดับในการติดต่อสาขา โดยมีการสำรวจความเห็นจากลูกค้าทั่วไปเกี่ยวกับการติดต่อสาขาในภาคธนาคาร พบว่าลูกค้ามองว่าการติดต่อสาขามีความยุ่งยากอยู่ 3 ประการ ได้แก่  คิวที่ยาวเกินไป ความยุ่งยากในการกรอกฟอร์ม และ การเสนอขายผลิตภัณฑ์ที่ไม่ตรงกับความต้องการในขณะนั้น โดยธนาคารได้นำความเข้าใจเหล่านี้มาปรับปรุงยกระดับการให้บริการ อาทิ ล่าสุดธนาคารได้แนะนำบริการ Formless หรือฝาก-ถอน-โอน ไม่ต้องกรอกฟอร์ม ซึ่งช่วยลดความล่าช้าในการกรอกฟอร์มที่ลูกค้าเห็นว่าเป็นเรื่องที่ยุ่งยากได้อย่างเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งปรับปรุงบริการให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

       ธนาคารพาณิชย์เป็นธุรกิจบริการ ดังนั้น เป้าหมายของการบริการคือยึดความ พึงพอใจของลูกค้าเป็นหลัก การเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานทั้งหมดที่เกิดขึ้นจึงต้องมุ่งเน้นไปที่จุดนี้ ซึ่งธนาคารไทยพาณิชย์ก็สามารถตอบโจทย์ในด้านการบริการโดยเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Consumer centric) ได้เป็นอย่างดี โดยมีการให้ความสำคัญใน 3 ด้านหลัก คือ
          การครองใจลูกค้า
          การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ตรงตามความต้องการในช่วงเวลาที่เหมาะสม
          การพัฒนาช่องทางสาขาและศักยภาพของบุคลากร

วันอังคารที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2555

กกร.จัดสัมมนา 2012 Thailand Investment Environment : Maximizing the AEC Opportunity”

nws_120815_siminar.jpg

       คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและสมาคมธนาคารไทย ร่วมด้วยหอการค้าต่างประเทศในประเทศไทย จัดงานสัมมนา 2012 Thailand Investment Environment : Maximizing the AEC Opportunity”    เพื่อร่วมหารือถึงปัจจัยการลงทุนในประเทศไทยปี 2555  และแนวทางแห่งการเพิ่มโอกาสให้กับไทยเพื่อเดินหน้าสู่ประชาคมอาเซียน ณ หอประชุมมหิศร ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ โดยมีชาติศิริ โสภณพนิช ประธานกรรมการ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) และประธานสมาคมธนาคารไทยกล่าวต้อนรับคณบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวเปิดงาน ทั้งนี้ คุณกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ ร่วมให้การต้อนรับ 

วันที่ 15 สิงหาคม 2555

ไทยพาณิชย์สนับสนุนทางการเงินเพื่อพัฒนาโครงการ “กันยารัตน์ เลควิวล์ คอนโดมิเนียม” คอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์แห่งแรกในภาคอีสาน

120827-condo.jpg

           นายสารัชต์ รัตนาภรณ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายลูกค้าขนาดใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ และ นางสาวดารุณี คามวัลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทในเครือกันยารัตน์ กรุ๊ป ร่วมลงนามในสัญญาสนับสนุนทางการเงินมูลค่า 409.5 ล้านบาท เพื่อพัฒนา โครงการ “กันยารัตน์ เลควิวล์ คอนโดมิเนียม และอเวนิวมอลล์” โครงการคอนโดมิเนียมพักอาศัยระดับไฮเอนด์แห่งแรกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งอยู่ริมบึงแก่นนคร จังหวัดขอนแก่น สร้างขึ้นเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์และรองรับความต้องการด้านที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นตามเศรษฐกิจที่ขยายตัวสูง

วันที่ 27 สิงหาคม 2555

บริษัท ซีเค พาวเวอร์ แต่งตั้งไทยพาณิชย์เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

120822-ck-power.jpg

          บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด ได้ลงนามแต่งตั้ง ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) บริษัท เคทีบี แอดไวซ์เซอรี่ จำกัด  บริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อเตรียมนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทั้งนี้บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด ถือเป็นบริษัทนำร่องสำหรับธุรกิจที่มีแผนขยายกิจการไปในต่างประเทศ ให้สามารถใช้ประโยชน์จากตลาดทุนเพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้เติบโตในระยะยาว 

         โดยมี คุณปลิว  ตรีวิศวเวทย์  ประธานกรรมการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด  คุณกรรณิกา  ชลิตอาภรณ์  กรรมการผู้จัดการใหญ่  ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)  คุณกิตติยา  โตธนะเกษม  ประธานกรรมการ บริษัท เคทีบี แอดไวซ์เซอรี่ จำกัด  คุณประเสริฐ  ภัทรดิลก  กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทแอดไวเซอรี่ พลัส จำกัด ร่วมลงนาม  ได้รับเกียรติจาก คุณสมพล เกียรติไพบูลย์  ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และคุณจรัมพร โชติกเสถียร  กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย  ร่วมแสดงความยินดี

ที่มา http://www.scb.co.th/th/news/2012-08-17/nws_120817
วันที่ 17 สิงหาคม 2555

ไทยพาณิชย์โชว์ผลงานยุทธศาสตร์ Customer First สร้างความสำเร็จครองใจลูกค้าบุคคลทุกเซกเม้นต์


     ธนาคารไทยพาณิชย์สานต่อความเป็นผู้นำในธุรกิจลูกค้าบุคคล ดำเนินกลยุทธ์ “Customer First” สร้างความสำเร็จต่อเนื่องบุกตลาดครึ่งปีหลัง วางแผนครองใจลูกค้าระยะยาวด้วยการยกระดับการให้บริการลูกค้าในทุกมิติ ตั้งแต่พลิกโฉมเริ่มให้บริการในลักษณะที่ปรึกษาทางการเงิน มอบโซลูชันผลิตภัณฑ์ทางการเงินครบวงจรตามความต้องการของลูกค้าในทุกรูปแบบ รวมทั้งพัฒนาศักยภาพของพนักงานสู่การเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน (Financial Consultant) เป็นคู่คิดทางการเงินที่รู้จริง รู้ใจ และให้คำปรึกษาได้อย่างมืออาชีพ และเพิ่มศักยภาพทั้งช่องทางสาขาและ E-Channel เพื่อมอบบริการที่ง่ายและสะดวกสบายขึ้น ตั้งเป้าครองใจลูกค้าในทุกเซกเม้นต์และตอกย้ำตำแหน่งผู้นำในธุรกิจลูกค้าบุคคล

     พฤติกรรมและความต้องการทางการเงินของแต่ละกลุ่มเพื่อสามารถคิดค้นและแนะนำผลิตภัณฑ์และบริการที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ทางการเงิน ทั้งยังมีการนำแนวคิดการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็น Total Solution เข้ามาเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า ผสานจุดแข็งด้วยการผนึกกำลังกลุ่มไทยพาณิชย์มอบผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ครบวงจรทั้งสินเชื่อ การลงทุน และประกันชีวิต นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาช่องทางสาขาอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างประสบการณ์อีกระดับในการติดต่อสาขา โดยมีการสำรวจความเห็นจากลูกค้าทั่วไปเกี่ยวกับการติดต่อสาขาในภาคธนาคาร พบว่าลูกค้ามองว่าการติดต่อสาขามีความยุ่งยากอยู่ 3 ประการ ได้แก่  คิวที่ยาวเกินไป ความยุ่งยากในการกรอกฟอร์ม และ การเสนอขายผลิตภัณฑ์ที่ไม่ตรงกับความต้องการในขณะนั้น โดยธนาคารได้นำความเข้าใจเหล่านี้มาปรับปรุงยกระดับการให้บริการ อาทิ ล่าสุดธนาคารได้แนะนำบริการ Formless หรือฝาก-ถอน-โอน ไม่ต้องกรอกฟอร์ม ซึ่งช่วยลดความล่าช้าในการกรอกฟอร์มที่ลูกค้าเห็นว่าเป็นเรื่องที่ยุ่งยากได้อย่างเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งปรับปรุงบริการให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

     สำหรับในส่วนของพนักงานและการขายนั้น ธนาคารได้พัฒนาศักยภาพของบุคลากรเข้าสู่การเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน หรือ Financial Consultant ที่สามารถให้คำปรึกษาทางด้านการเงินและการลงทุนให้แก่ลูกค้าได้อย่างมืออาชีพ โดยพนักงานที่จะเป็น Financial Consultant ได้นั้นจะต้องเป็นผู้มีประสบการณ์ และผ่านการอบรมในหลักสูตร Certified Financial Planner (CFP) ร่วมกับหลักสูตรที่ธนาคารได้พัฒนาขึ้น นอกจากนี้ ยังได้นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการวางแผนทางการเงินในรูปแบบ Multi Channel Sales and Service (MSS) ที่จะทำให้พนักงานทราบถึงความต้องการและทำความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับลูกค้าเฉพาะรายและสามารถแนะนำผลิตภัณฑ์และบริการที่เหมาะสมได้ในทันที ทั้งนี้ ธนาคารมีการลงทุนทางด้านการฝึกอบรมพนักงานและเทคโนโลยีนี้กว่า 1 พันล้านบาท และยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

     สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรกของกลุ่มธุรกิจลูกค้าบุคคลธนาคารไทยพาณิชย์นั้น ธนาคารยังครองความเป็นหนึ่งในธุรกิจลูกค้าบุคคล โดยมีสินเชื่อรวมเติบโตกว่า 28% คิดเป็นสินเชื่อคงค้างรวม 5.63 แสนล้านบาท และธนาคารยังคงมุ่งมั่นมอบบริการที่สะดวกสบายให้ลูกค้าด้วยเครือข่ายขายสาขาที่มากที่สุดถึง 1,118 สาขา และตู้เอทีเอ็ม 8,590 ตู้ ครอบคลุมพื้นที่สำคัญทั่วประเทศเข้าถึงได้อย่างสะดวกสบาย รวมทั้งช่องทางการติดต่อหลากหลายทั้งศูนย์บริการลูกค้าและช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งธนาคารจะมีการปรับเปลี่ยนรูปโฉมของสาขาและการให้บริการอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี

ที่มา : วันอังคารที่ 28 สิงหาคม 2555 จากเว็บไซต์ http://www.scb.co.th/th/news/2012-08-27/nws_120827_customer_first

วันพฤหัสบดีที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2555

สรุปข่าว ไทยพาณิชย์ประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 2 คงแนวโน้มการเติบโตในระดับสูง

จากงบการเงินที่เปิดเผยมาพบว่าการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิ 23.9% ในไตรมาสที่ 2 เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเป็นหลัก

         รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ เพิ่มขึ้น 20.9% จากไตรมาส 2/2554 มาอยู่ที่ 15 พันล้านบาทในไตรมาสที่ 2/2555 ซึ่งนับเป็นการขยายตัวที่สูงสุดของธนาคาร อันเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่ออย่างมากถึง 20.2% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี ที่แล้ว และการเพิ่มขึ้นอย่างมากของผลตอบแทนด้านสินเชื่อและจากการลงทุนของธนาคาร การขยายตัวของสินเชื่อที่สูงกว่าตลาดมาจาก 3 ส่วน ได้แก่ สินเชื่อ SME สินเชื่อเคหะ และ สินเชื่อรถยนต์ ซึ่งธนาคารได้มีการเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดขึ้นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมาจากการที่ลูกค้ามีความต้องการในสินเชื่อดังกล่าวในระดับสูงเกินคาดหมาย ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3.22% สูงกว่าไตรมาสที่ผ่านมา
        รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย เพิ่มขึ้น 19.4% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว จากการเติบโตที่แข็งแรงต่อเนื่องของรายได้จากธุรกิจประกัน (เพิ่มขึ้น 42.2% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว) กำไรจากธุรกรรมเพื่อค้าและปริวรรต และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการที่สูงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทประกันชีวิตที่ธนาคารถือหุ้นอยู่ 94.7% ยังคงมีผลประกอบการที่สูงกว่าตลาดโดยรวมอันเป็นผลจากการขายผ่านเครือข่ายสาขาที่แข็งแรงของธนาคาร
        คุณภาพสินทรัพย์ ยังปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องแม้มีปัจจัยลบของสภาวะเศรษฐกิจโลกและมีผลกระทบจากสภาวะน้ำท่วม ในปีที่ผ่านมาอยู่บ้าง ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 2/2555 สินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ลดลงมาอยู่ที่ 2.25% ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2540 (ลดลงมาจากระดับ 2.69% ณ สิ้นไตรมาส 2/2554 และ 2.39% ณ สิ้นไตรมาส 1/2555)
        ดังนั้นเห็นได้ว่าการดำเนินงานของธนาคารไทยพาณิชย์นั้นตั้งแต่ช่วงต้นปีจนถึงไตรมาสที่ 2/2555นี้แสดงถึงการที่ธนาคารมี ยุทธศาสตร์ทางธุรกิจที่ถูกต้อง มีรูปแบบการทำธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ และมีการนำไปปฏิบัติในระดับชั้นนำ ความแข็งแกร่งเหล่านี้ถือเป็นตัวผลักดันหลักในการทำงานของกลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์ เพื่อมุ่งก่อให้เกิดความผูกพันอย่างลึกซึ้งในกลุ่มลูกค้าและพนักงานของธนาคาร อันเป็นปัจจัยหลักสำคัญที่จะทำให้ธนาคารเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนและสร้างมูลค่าเพิ่ม แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว

กกร.จัดสัมมนา 2012 Thailand Investment Environment : Maximizing the AEC Opportunity”


nws_120815_siminar.jpg

         คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ร่วมด้วยหอการค้าต่างประเทศในประเทศไทย จัดงานสัมมนา 2012 Thailand Investment Environment : Maximizing the AEC Opportunity”    เพื่อร่วมหารือถึงปัจจัยการลงทุนในประเทศไทยปี 2555  และแนวทางแห่งการเพิ่มโอกาสให้กับไทยเพื่อเดินหน้าสู่ประชาคมอาเซียน ณ หอประชุมมหิศร ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ โดยมีชาติศิริ โสภณพนิช ประธานกรรมการ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) และประธานสมาคมธนาคารไทยกล่าวต้อนรับคณบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวเปิดงาน ทั้งนี้ คุณกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ ร่วมให้การต้อนรับ 

วันที่  15 สิงหาคม 2555

ไทยพาณิชย์ฉลองความสำเร็จการจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของพนักงานบริษัท เวสเทิร์น ดิจิตอล (ประเทศไทย) จำกัด

120814-scbam.jpg

        ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ร่วมฉลองความสำเร็จของ บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนไทยพาณิชย์ จำกัด ที่ได้เป็นผู้จัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ของพนักงานบริษัท เวสเทิร์น ดิจิตอล (ประเทศไทย) จำกัด และ ธนาคารฯยังได้เป็นผู้ให้บริการรับฝากทรัพย์สินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพนี้ ที่มีมูลค่ากว่า 1,600,000,000 บาท โดยมี นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ (ที่ 2 จากขวา) กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์   นางโชติกา สวนานนท์ (ซ้ายสุด) กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนไทยพาณิชย์ จำกัด ร่วมด้วย นายราชิสร์ บุณยะอนันต์ (ที่ 2 จากซ้าย) รองประธานอาวุโส และ ดร.สัมพันธ์ ศิลปนาฎ (ขวาสุด) รองประธาน บริษัท เวสเทิร์น ดิจิตอล (ประเทศไทย) ร่วมงาน

วันที่ 14 สิงหาคม 2555

ไทยพาณิชย์จับมือกูเกิลพลิกโฉมผลิตภัณฑ์ทางการเงินใน Google+ Hangout เป็นธนาคารแรก


         ธนาคารไทยพาณิชย์ร่วมมือกับกูเกิลนำนวัตกรรม Google+ Hangout มาประยุกต์ใช้กับผลิตภัณฑ์ทางการเงินเป็นธนาคารแรก เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปในยุคโซเชียลมีเดียซึ่งเป็นเทรนด์สำคัญของโลก และตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านสื่อสารออนไลน์จากรางวัล Best in Social Media in Asia 2011 จาก Global Finance และได้รับการจัดอันดับ Twitter จาก Visible Banking ให้เป็นอันดับ 1 ในหมวด Financial & Banking ระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ประเดิมครั้งแรกด้วยกิจกรรมบัตรเครดิตไทยพาณิชย์ “กินข้าวกันมั๊ยกับไทยพาณิชย์” ให้ลูกค้าสร้างประสบการณ์ใหม่ผ่านช่องทางออนไลน์แบบเรียลไทม์และอินเทอร์แอคทีฟ หวังต่อยอดช่องทางออนไลน์ในการสื่อสารและสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าต่อไป

 120806-google.jpg

      นายสุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้อำนวยการ ผลิตภัณฑ์บัตรเครดิต เปิดเผยว่า นับเป็นปรากฎการณ์ครั้งแรกของสถาบัน
การเงินไทยในการพลิกโฉมผลิตภัณฑ์ทางการเงินเข้าสู่โลกโซเชียลมีเดียผ่าน Google+  ซึ่งเป็นอินโนเวชั่นใหม่ในการ
สื่อสารการตลาด ที่นอกจากจะเป็นการสร้างเครือข่ายระหว่างกันของผู้ใช้บริการแล้ว หัวใจหลักยังอยู่ที่การเชื่อมต่อเข้าถึง
ข้อมูลการตลาด ทั้งด้านสาระความรู้ และบันเทิงต่างๆ ที่เข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็วที่สุด โดยธนาคารริเริ่มเผยแพร่
ผลิตภัณฑ์ทางการเงินผ่านฟีเจอร์ Hangout เป็นธนาคารแรกเพื่อสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าสมาชิกบัตรเครดิตถึงสิทธิประโยชน์
และกิจกรรมการตลาด โดยได้รับความร่วมมือจากคุณพรทิพย์ กองชุน ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กูเกิลประเทศไทยในครั้งนี้
      นับเป็นการตอกย้ำความแข็งแกร่งทางธุรกิจและความเป็นผู้นำด้านสื่อสารออนไลน์ โดยธนาคารเคยได้รับรางวัล Best in
 Social Media in Asia 2011 จาก Global Finance และในส่วนของ Twitter ได้รับการจัดอันดับจาก Visible Banking 
ให้เป็นอันดับ 1 ในหมวด Financial & Banking ระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และด้วยศักยภาพของ Google+ ที่ได้รับการ
ยอมรับจากทั่วโลก โดยมียอดผู้ใช้บริการสูงถึง 250 ล้านราย และ 1 ล้านแบรนด์เพจทั่วโลก ทำให้มั่นใจว่าความร่วมมือใน
ครั้งนี้จะช่วยต่อยอดช่องทางออนไลน์ในการสื่อสารและสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าต่อไปได้เป็นอย่างดี
 
วันที่  07 สิงหาคม 2555


ธนาคารไทยพาณิชย์เชิญชมนิทรรศการเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และร่วมลงนามถวายพระพร

000919.jpg
000908.jpg
           เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๕  ด้วยสำนึกใน พระมหากรุณาธิคุณที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยอย่างหาที่สุดมิได้  ธนาคารจึงจะจัดให้มีนิทรรศการเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ “สมบัติแผ่นดิน” ระหว่างวันที่ ๓๐ กรกฎาคม – ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๕  ซึ่งแบ่งการจัดแสดงเป็น ๒ ช่วง คือ
000915.jpg

       ช่วงที่ ๑
 วันที่ ๓๐ กรกฎาคม – ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๕  จัดแสดงเรื่องราวพระราชกรณียกิจในการส่งเสริม อนุรักษ์ ฟื้นฟูการใช้ผ้าไทยในภูมิภาคต่างๆ ทำให้ชุมชนในท้องถิ่นห่างไกลมีรายได้เสริมเพิ่มขึ้นจากอาชีพเกษตรกรซึ่งเป็นอาชีพหลัก นอกจากนั้นยังแสดงถึงพระอัจฉริยภาพในการสืบสานธรรมเนียมการแต่งกายแบบไทย โดยพระราชทาน  ชุดไทยพระราชนิยมให้เป็นชุดประจำชาติเพื่อใช้ในโอกาสต่าง ๆ รวมถึงทรงส่งเสริมให้มีการนำผ้าไทยมาประยุกต์ใช้ในงานออกแบบร่วมสมัย ซึ่งธนาคารได้รับความอนุเคราะห์จากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ นำผ้าไทยต่าง ๆ มาจัดแสดง และจากคุณธีระพันธ์ วรรณรัตน์ นำตัวอย่างชุดไทยพระราชนิยม และเครื่องแต่งกายที่ออกแบบและรังสรรค์ด้วยผ้าไทยจากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ มาจัดแสดง  พร้อมกันนี้ผู้เข้าชมนิทรรศการจะได้รับทราบข้อมูลสรุปรายละเอียดเกี่ยวกับการ จัดตั้งพิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ณ หอรัษฏากรพิพัฒน์ ในพระบรมมหาราชวัง ระหว่างการจัดแสดงนิทรรศการนี้ธนาคารได้จัดกิจกรรมเชิงปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับผ้าไทย เช่น มัดย้อม เป็นต้น สำหรับบุคคลทั่วไป จำนวน  ๒  ครั้ง คือ ในวันเสาร์ที่ ๑๘ และ ๒๕ สิงหาคม ตามลำดับ

       ช่วงที่ ๒  วันที่ ๓  กันยายน – ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๕ จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับงาน “ศิลป์แผ่นดิน”  และ “โขน มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ”  ซึ่งแสดงให้เห็นถึงผลงานอันทรงคุณค่าใน งานศิลปหัตถกรรมด้านต่างๆ โดยช่างฝีมือคนไทย และรวมถึงการรักษาไว้ซึ่งการแสดง “โขน” อันเป็นศิลปะการแสดง ชั้นสูงประจำชาติ โดยนำเอาเทคนิคและเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาสอดผสาน  ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นพระมหากรุณาธิคุณที่พระราชทานไว้แก่ปวงชนชาวไทย ภายใต้การดำเนินงานของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ  ระหว่างการจัดแสดงนิทรรศการ ธนาคารจะจัดกิจกรรมเชิงปฏิบัติการ ที่เกี่ยวข้องกับงานศิลปหัตถกรรม ในวันเสาร์ที่ ๘ และ ๒๒ กันยายน ตามลำดับด้วย

       นิทรรศการนี้ จัดแสดงวันจันทร์ - เสาร์ ตั้งแต่เวลา ๐๙.๓๐ -๑๗.๐๐ น. (เว้นวันหยุดธนาคารและวันเสาร์ที่ ๔, ๑๑ สิงหาคม และ๑ กันยายน ๒๕๕๕) ณ พิพิธภัณฑ์ธนาคารไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่  สอบถาม  รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ๐๒ ๕๔๔ ๔๕๒๕ - ๗
        พร้อมกันนี้ ธนาคารได้จัดให้มีโต๊ะลงนามถวายพระพร ณ บริเวณ Banking Hall  โดยนำ “นกยูง” อันเป็นตราสัญลักษณ์ที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานใช้เป็นตราสัญลักษณ์กำหนดคุณภาพไหมไทย มาตกแต่งประดับด้วยดอกไม้อย่างสวยงาม  ซึ่งที่มาของตราสัญลักษณ์ “นกยูง” เนื่องจากเป็นผลงานที่โดดเด่นชิ้นหนึ่งของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ  ดังนั้น จึงพระราชทานตราสัญลักษณ์ “นกยูง “ แก่สถาบันหม่อนไหมแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ เพื่อนำมาใช้ในการกำหนดคุณภาพของไหมไทย

วันที่ 30 กรกฏาคม 2555

วันอังคารที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2555

รับไปเลยค่าธรรมเนียมคืนสูงสุด 50%* เมื่อจ่ายบิลผ่าน 3 ช่องทาง

กติกาและเงื่อนไข
1.ลูกค้าจ่ายบิลทุกประเภท รวมถึงการเติมเงินบัตรทางด่วน Easy Pass ผ่านตู้ SCB ATM หรือ SCB Easy Net หรือ SCB Mobile
Banking ระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน
  • 31 สิงหาคม 2555 จะได้รับเงินค่าธรรมเนียมคืนตามเงื่อนไขที่กำหนด คือ
  • จ่ายบิลตั้งแต่ 3 บิลในแต่ละเดือน รับเงินค่าธรรมเนียมที่ลูกค้าเป็นผู้ชำระคืน 30% ในเดือนถัดไป
  • จ่ายบิลตั้งแต่ 5 บิลขึ้นไปในแต่ละเดือน รับเงินค่าธรรมเนียมที่ลูกค้าเป็นผู้ชำระคืน 50% ในเดือนถัดไป
2.นับเฉพาะรายการที่สำเร็จและมีผลหักเงินจากบัญชีภายในระยะเวลาส่งเสริมการขายเท่านั้น โดยบิลที่ทำการชำระในวันสุดท้าย
ของเดือนหลังเวลา 23.00 น. ถือเป็นรายการของวันถัดไป
3.บิลที่ใช้ในการชำระเงิน ไม่จำเป็นต้องเป็นของบุคคลเดียวกันกับเจ้าของบัญชีที่ชำระเงิน
4.ธนาคารจะนับรวมรายการที่เกิดขึ้นในเฉพาะแต่ละเดือน จากบัญชีที่ลูกค้าชำระเงินในแต่ละบัญชี
5.เงื่อนไขการโอนเงินค่าธรรมเนียมคืน
5.1 ลูกค้าจะได้รับเงินค่าธรรมเนียมคืนตามเงื่อนไขจากการจ่ายบิลที่มีค่าธรรมเนียมในช่วงระยะเวลาส่งเสริมการขาย
5.2 ธนาคารจะคืนเงินค่าธรรมเนียมตามเงื่อนไข โดยโอนเงินเข้าบัญชีที่ชำระเงินเท่านั้น
5.3 ธนาคารจะดำเนินการโอนเงินเข้าบัญชีที่ชำระเงินภายในสิ้นเดือนของเดือนถัดไป
5.4 ลูกค้าเจ้าของบัญชีสามารถตรวจสอบยอดเงินค่าธรรมเนียมคืนได้จากบัญชีที่ชำระค่าธรรมเนียมของท่าน
6.ธนาคารขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกเงื่อนไข โดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
7.ในกรณีมีข้อขัดข้อง ข้อโต้แย้งหรือข้อพิพาทใดๆ ให้คำตัดสินของธนาคารฯถือเป็นเด็ดขาดและสิ้นสุด
8.สอบถามข้อมูลและดูเงื่อนไขเพิ่มเติมที่ www.scb.co.th หรือโทร SCB Call Center 02-777-7777

ที่มา  :   http://www.scb.co.th/th/news/2012-06-01/pro_120601_billpayment

วันพุธที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ไทยพาณิชย์คว้ารางวัลสุดยอดองค์กรที่น่าทำงานแห่งปี 2012 จาก Gallup (U.S.A.)

120731-award-gallup.jpg
ธนาคารไทยพาณิชย์ได้รับคัดเลือกให้เป็น "สุดยอดองค์กรที่น่าทำงานแห่งปี 2555" จาก Gallup 
บริษัทวิจัยชั้นนำแห่งสหรัฐอเมริกา นับเป็นองค์กรไทยที่ได้รับรางวัลที่สูงสุดถึง 4 ปีด้วยกันจากการที่
ธนาคารประสบความสำเร็จในการสร้างความผูกพันของพนักงานให้มีต่อที่องค์กรในระดับที่สูงมาเสมอ
อันเป็นปัจจัยผลักดันให้องค์กรขับเคลื่อนธุรกิจก้าวหน้าไปได้อย่างต่อเนื่อง
    ในการนี้ ธนาคารนำโดยคุณวรวัจน์ สุวคนธ์  ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่อาวุโส กลุ่มทรัพยากรบุคคล
ขอบคุณเพื่อนพนักงานทุกคนที่มีส่วนช่วยในการสร้างบรรยากาศการทำงานที่เปี่ยมไปด้วยความผูกพัน 
ความสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจ และการดูแลเอาใจซึ่งกันและกันภายใต้ร่มเงาต้นโพธิ์แห่งนี้

ที่มา : วันที่ 1 สิงหาคม 2555 จากเว็บไซต์ http://www.scb.co.th/th/news/2012-07-26/nws_award_Gallup

วันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

สรุปข่าว เตือนวิกฤตหนี้ยูโรโซนกดดันส่งออกไปยุโรป (23-29 ก.ค.55)

            จากการที่เศรษฐกิจของยุโรปที่ชะลอตัวลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการผลิตและการจำหน่ายสินค้าในหลายประเทศที่เป็นตลาดสำคัญของไทย ทั้งญี่ปุ่น สหภาพยุโรป เอเชียใต้ เกาหลีใต้ ไต้หวัน รัสเซียที่นำเข้าสินค้าจากไทยลดลง โดยเฉพาะสินค้าในหมวดเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตรที่ปรับตัวลดลงแรง ถือว่าเป็นการลดลงที่ไม่มากนัก หากเศรษฐกิจยุโรปไม่แย่ลงไปกว่าเดิม สถานการณ์โดยรวมของเศรษฐกิจสามารถดูได้จากดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจ GDP มีสูตรการคิดคำนวณดังนี้
                                                GDP = C + I + G + (X – M) 
ประกอบด้วย 4 ส่วนหลักๆ คือ การบริโภค (C) 
                                                การลงทุน(I) 
                                                การใช้จ่ายของภาครัฐ (G) 
                                                การส่งออก (X) 
                                                นำเข้า (M)
สำหรับการส่งออกสินค้าใน ช่วง 6 เดือนแรก พบว่า หมวดสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร 9.1%  หมวดสินค้าอุตสาหกรรมส่งออกลดลง 3.6% 
            อย่างไรก็ดี การนำเข้าที่ยังเร่งตัวขึ้นจากหลายปัจจัย อาทิ การปรับตัวลงของราคาสินค้านำเข้าบางหมวด โดยเฉพาะสินค้าโภคภัณฑ์ และการเพิ่มการนำเข้าวัตถุดิบที่สอดคล้องกับทิศทางที่ดีขึ้นของภาคการผลิตที่กลับสู่ภาวะปกติแล้วในหลายอุตสาหกรรม  เพราะฉะนั้นดุลการค้าของไทยมีแนวโน้มอาจจะกลับมาดีไทยในช่วงปีนี้

วันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ธนาคารไทยพาณิชย์ฉลองเปิดสาขาที่ 1,111


120719-branch-1111.jpg

       ธนาคารไทยพาณิชย์เปิดที่ทำการสาขา 1,111 ณ ศูนย์การค้าเกตเวย์ เอกมัยเพื่ออำนวย
ความสะดวกแก่ประชาชนย่านสุขุมวิทในการทำธุรกรรมทางการเงินอย่างครบวงจร นับเป็น
ธนาคารที่มีเครือข่ายสาขามากที่สุดในประเทศ  ฉลองครบ1,111 สาขา ด้วยการมอบของขวัญ
พิเศษให้แก่ลูกค้า 1,111 ท่านแรกที่มาทำธุรกรรม โดยในปีนี้ธนาคารมีแผนเปิดสาขาให้บริการ
ประชาชนเพิ่ม 50 สาขาครอบคลุมทั่วประเทศ

วันที่ 18 ก.ค. 55
เว็บไซต์ http://www.scb.co.th/th/news/2012-07-18/120717_branch_1111

วันจันทร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ไทยพาณิชย์ และ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย จัดอบรมให้ความรู้การระดมทุน หัวข้อ “หุ้นกู้ไทย: โอกาสการระดมทุนท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจโลก”

nws-120713-sh-01.jpg
      
 นายอาทิตย์ นันทวิทยา รองผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ ให้การต้อนรับ ดร. บัณฑิต นิจถาวร ประธานกรรมการสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย ในการบรรยายให้ความรู้ “หุ้นกู้ไทย: โอกาสการระดมทุนท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจโลก” แก่บริษัทและผู้ที่สนใจทั่วไป เพื่อส่งเสริมให้มีความเข้าใจในกลยุทธ์การระดมทุนด้วยการออกหุ้นกู้ได้อย่างมีประสิทธิภาและก้าวทันการเปลี่ยนแปลงในตลาดตราสารหนี้ในปัจจุบัน ณ หอประชุมมหิศร ธนาคารไทยพาณิชย์สำนักงานใหญ่


ไทยพาณิชย์ ผนึกกำลัง สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเวทีสัมมนา “วิกฤตเศรษฐกิจยุโรปและจีน... ผลกระทบเศรษฐกิจโลกต่อการส่งออกไทย”

nws-120713-eu-01.jpg
        นายอาทิตย์ นันทวิทยา รองผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่  ธนาคารไทยพาณิชย์ และ นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ร่วมเปิดงานสัมมนาในหัวข้อ “วิกฤตเศรษฐกิจยุโรปและจีน... ผลกระทบเศรษฐกิจโลกต่อการส่งออกไทย” โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิทั้งในส่วนของศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจธนาคารไทยพาณิชย์ และจากภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ของ ส.อ.ท. ร่วมให้ข้อมูลความรู้เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถวิเคราะห์ศักยภาพอุตสาหกรรมไทย ท่ามกลางภาวะผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ รวมถึงการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและพัฒนาธุรกิจของผู้ประกอบการไทยให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน โดยงานสัมมนาจัดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ ณ ห้องเรนโบว์ โรงแรมอิมพีเรียล ควีนส์ ปาร์ค สุขุมวิท 22


ที่มา http://www.scb.co.th/th/news/2012-07-13/120713_eu

ไทยพาณิชย์ออกเงินฝากประจำ 11 เดือน แถม 11 วัน พร้อมเงินฝากประจำ 7 เดือน ให้เลือกออม รับดอกเบี้ยสูงโดนใจ

20120713-Deposit-01.jpg



     ธนาคารไทยพาณิชย์ออกผลิตภัณฑ์บัญชีเงินฝากประจำพิเศษ 11 เดือน และเพิ่มจำนวนวันที่ใช้คำนวณดอกเบี้ยแถมให้อีก 11 วัน  รวมอัตราดอกเบี้ยที่ลูกค้าจะได้รับเมื่อฝากครบกำหนด  3.46% ต่อปี พร้อมออกบัญชีเงินฝากประจำพิเศษ 7 เดือน มอบดอกเบี้ย 3.30% ต่อปี ให้ประชาชนเลือกออมได้แล้วเริ่มตั้งแต่ 14 ก.ค.นี้ทุกสาขาทั่วประเทศ
      นายสมิทธ์ พนมยงค์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายผลิตภัณฑ์เงินฝากและการลงทุน เปิดเผยว่า ช่วงครึ่งปีหลัง 2555 นี้ เศรษฐกิจโลกยังคงอยู่ในภาวะผันผวน การออมยังคงเป็นการลงทุนที่ประชาชนให้ความนิยม เพราะให้ผลตอบแทนที่มั่นคง ธนาคารพาณิชย์จึงยังคงแข่งขันระดมเงินฝากกันอย่างต่อเนื่อง โดยแนวโน้มความต้องการของลูกค้าเงินฝาก ยังต้องการออมเงินในระยะเวลาที่ไม่ยาวเกินไปแต่ได้ดอกเบี้ยสูง ล่าสุด ธนาคารไทยพาณิชย์จึงได้ออกผลิตภัณฑ์เงินฝากประจำแบบพิเศษ 11 เดือน มาเพื่อรองรับความต้องการลูกค้าโดยใช้ กลยุทธ์การเพิ่มจำนวนวันที่ใช้คำนวณดอกเบี้ยให้อีก 11 วัน ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากไม่ปรับตัวจนส่งผลกระทบต่ออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ นับเป็นการช่วยให้ลูกค้าเงินฝากได้รับประโยชน์จากผลตอบแทนดอกเบี้ยที่น่าพอใจโดยไม่กระทบต่อลูกค้าสินเชื่อของธนาคาร รวมทั้งได้ออกผลิตภัณฑ์เงินฝากประจำแบบพิเศษ 7 เดือน มาเพื่อรองรับตลาดในช่วงที่ประชาชนยังต้องรอติดตามนโยบายด้านคุ้มครองเงินฝากต่อไปอีกด้วย ทั้งนี้ คาดว่าผลิตภัณฑ์เงินฝากใหม่นี้ จะได้รับความนิยมจากลูกค้าเป็นอย่างดี และภายในสิ้นปี คาดการณ์ว่าธนาคารจะมียอดเงินฝากมากกว่า 1.6 ล้านล้านบาท"
     สำหรับ "เงินฝากประจำพิเศษ 11 เดือน" อัตราดอกเบื้ยพื้นฐาน 3.35% ต่อปี และธนาคารเพิ่มจำนวนวันที่ใช้คำนวณดอกเบี้ยให้อีก 11 วัน ซึ่งจะทำให้ผู้ฝากได้สิทธิประโยชน์จากการคำนวณอัตราดอกเบี้ย แต่ลูกค้าฝากเพียง 11 เดือนตามปฏิทินเท่าเดิม ช่วยให้ผู้ฝากได้รับผลตอบแทนมากขึ้นอีก 0.11% ต่อปี รวมผลตอบแทนเฉลี่ยทั้งโครงการเป็น 3.46% ต่อปี เปิดบัญชีขั้นต่ำ 50,000 บาท ฝากเพิ่มครั้งต่อไปขั้นต่ำ 1,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 30 ล้านบาทต่อบัญชี จ่ายดอกเบี้ยแบบทบต้นเมื่อครบกำหนด และในส่วนของ “เงินฝากประจำพิเศษ 7 เดือน” ให้ผลตอบแทนสูง ด้วยอัตราดอกเบี้ย 3.30% ต่อปี เปิดบัญชีขั้นต่ำ 1 ล้านบาท จ่ายดอกเบี้ยแบบทบต้นเมื่อครบกำหนด สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าไทยพาณิชย์ โทร. 02-777-777


ที่มา  http://www.scb.co.th/th/news/2012-07-13/120712_deposit


วันพุธที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ไทยพาณิชย์จับมือเมเจอร์ จัดเต็มโปรโมชั่นจองซื้อคอนโดในงาน Highlight of High Living 2012




                                                    nwsPro-090755-1.jpg



           ธนาคารไทยพาณิชย์ เตรียมมอบโปรโมชั่นพิเศษแบงก์เดียวในงาน Highlight of High Living 2012 ที่จัดโดย บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ทั้งโปรโมชั่นสินเชื่อบ้าน ผ่อน 0% นาน 1 ปี ฟรีค่าจดจำนอง และสิทธิพิเศษจากบัตรเครดิตไทยพาณิชย์ สำหรับผู้จองคอนโดในเครือเมเจอร์ภายในงาน สามารถผ่อนชำระเงินจองหรือเงินทำสัญญา กับบริการ “SCB ดีจัง” 0% นาน 6 เดือน พร้อมรับเครดิตเงินคืนสูงสุดถึง 15,000 บาท เตรียมพบกับข้อเสนอที่ดีที่สุดแห่งปีในงาน Highlight of High Living 2012 ที่จะจัดขึ้นระหว่าง 11 - 15 กรกฎาคม 2555 ณ สยามพารากอน


แจ้งการจดทะเบียนแปลงหุ้นบุริมสิทธิเป็นหุ้นสามัญ


             ตามที่ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิขอแปลงหุ้นบุริมสิทธิเป็นหุ้นสามัญของธนาคาร เมื่อวันที่ 29  มิถุนายน 2555  จำนวน 64,561 หุ้น ธนาคารได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงเฉพาะในส่วนการแปลงหุ้นบุริมสิทธิเป็นหุ้นสามัญต่อกระทรวงพาณิชย์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ดังนี้

                ณ วันที่ 5 กรกฎาคม 2555 ธนาคารมีทุนชำระแล้ว                     33,991,921,980  บาท
                โดยมีจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมด                                          3,399,192,198  หุ้น
                 แยกออกเป็น         หุ้นบุริมสิทธิ                                                     5,565,454 หุ้น
                                                 หุ้นสามัญ                                                          3,393,626,744 หุ้น
      
ทั้งนี้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้พิจารณารับหุ้นสามัญส่วนที่เพิ่ม โดยให้เริ่มทำการซื้อขายได้ ตั้งแต่วันที่ 11 กรกฎาคม 2555 เป็นต้นไป

วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

สรุปข่าวเด่น ประจำสัปดาห์ครั้งที่ 1 (10-17 มิ.ย.55)


ไทยพาณิชย์มองต้นปี'56ดอกเบี้ยมีโอกาสขึ้น


        สรุปดังนี้   EIC รายงานว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีมติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 3.0% ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 13 มิถุนายน 2555 
      จากปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจยุโรปที่เกิดขึ้น รวมไปถึงในครึ่งปีหลังอาจมีปัญหาจากอัตราเงินเฟ้อเนื่องจากอัตราการจ้างขั้นต่ำและราคาสินค้าเพิ่มมากขึ้น อาจจะส่งผลให้ในปี 2013 อัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้นจาก โดยในปีนี้ที่ ธปท.จะให้คงแค่ 3.0% จนถึงปลายปีหากสถานการณ์ทางยุโรปไม่รุนแรงเพิ่มขึ้น

อัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงที่ผ่านมา

ที่มา ธนาคารแห่งประเทศไทย
อัตราดอกเบี้ยนโยบาย 
ในการดำเนินนโยบายการเงินภายใต้กรอบเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อ กรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ใช้อัตราดอกเบี้ยนโยบาย
เป็นเครื่องมือหลักในการส่งสัญญาณนโยบายการเงิน โดยในช่วงที่ผ่านมาจนถึงวันที่ 16 มกราคม 2550 กนง. ได้ใช้อัตรา
ดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร 14 วัน (RP 14 วัน) เป็นดอกเบี้ยนโยบาย ต่อมาตั้งแต่ 17 มกราคม 2550 กนง. ได้ เปลี่ยนมาใช้
อัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร 1 วัน (RP 1 วัน) แทน
การเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยจากอัตราดอกเบี้ย  RP 14 วัน มาเป็น RP 1 วัน มีสาเหตุสำคัญดังนี้
  1. ปทกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็น term ยาวกว่า วัน แต่เข้าทำธุรกรรมในตลาดทุกวัน 
  2. ปักษ์การดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องของสถาบันการเงิน (Reserve Maintenance Period) ไม่สอดคล้องกับ
  3. กำหนดการประชุม กนง. ส่งผลให้บางปักษ์คร่อมการประชุม กนง.
          ดังนั้น ในกรณีที่ตลาดมีการคาดการณ์อย่างชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางของอัตราดอกเบี้ยนโยบายว่าจะมีการปรับขึ้นหรือปรับลดลง
การดำเนินการตามข้อ 1-2 ข้างต้นจะทำให้เกิดปัญหาการกระจุกตัวหรือไม่มีการลงทุนใน RP14 วัน ซึ่งจะส่งผลในทางกลับ
กันต่อการลงทุนใน RP1 วัน ทำให้อัตราดอกเบี้ยมีความผันผวนและอัตราดอกเบี้ยในตลาดพันธบัตร(term structure) ถูกบิดเบือน
ในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้น ธปท. จะเน้นการทำธุรกรรมในลักษณะ fixed rate ที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายในธุรกรรม
 bilateral repo ในช่วงเช้าของวัน (โดยสถาบันการเงินเป็นผู้เสนอปริมาณที่ต้องการจะกู้หรือลงทุน) และหาก ธปท. ต้องการทำ
ธุรกรรมระยะอื่นนอกเหนือจาก 1 วัน ธปท. จะทำธุรกรรมในลักษณะ variable rate tender(โดยสถาบันการเงินเป็นผู้เสนอทั้ง
ปริมาณและราคาที่ต้องการจะกู้หรือลงทุน)  ธปท. ยึดเป้าหมายปริมาณเป็นหลักและให้สถาบันการเงินกำหนดอัตราดอกเบี้ยตามภาวะ
และการคาดการณ์ของตลาด อย่างไรก็ดี เพื่อไม่ให้มีธุรกรรม fixed rate ที่คร่อมการประชุม กนง. ธปท. จะหลีกเลี่ยงการทำ
ธุรกรรม bilateral repo ระยะ 1 วัน ในช่วงเช้าของวันที่มีการประชุม กนง. เนื่องจากโดยปกติแล้ว ธปท. จะแถลงผลการประชุม
กนง. ในช่วงบ่ายตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2551 เป็นต้นมา ธปท. ได้ใช้อัตราดอกเบี้ยธุรกรรมซื้อคืนพันธบัตรแบบทวิภาคี
 (Bilateral Repurchase Transactions) ระยะ 1 วันเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายแทนอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตร
ระยะ 1 พร้อมกับปิดตลาดซื้อคืนพันธบัตรของธนาคารแห่งประเทศไทยในวันดังกล่าว
ที่มา ธนาคารแห่งประเทศไทย